2 ปีก่อน พี่บีป่วยเป็นมะเร็งรังไข่ รักษาต่อเนื่อง พี่บีบอกผึ้งว่า “สำหรับพี่ตอนนี้ ร่างกายก็ให้หมอรักษา แต่ใจเราต้องรักษาใจตัวเอง พี่ไม่ได้บันทึกการรักษาหรือสิ่งที่ต้องเจอในตอนรักษามะเร็งไว้เลย มีแต่สิ่งที่จำได้ว่าอะไรที่ทำให้ใจรอดพ้นจากความทุกข์ ความเจ็บปวดทางกาย และความทุกข์ทางใจ นั่นก็คือการเจริญสติค่ะ ตอนนี้พี่มาสนใจการเจริญสติด้วยการเคลื่อนไหวในแบบของ หลวงพ่อเทียน มันทำให้พี่ไม่ทุกข์ใจและกายจากการเจ็บป่วยมากนัก” *พี่บีฝากผึ้งลงบทความค่ะ
การเจริญสติแบบเคลื่อนไหว วัดป่าสุคะโต
การเจริญสติ เจริญสมาธิ เจริญปัญญา ต้องมี “วิธีการ” ที่จะนำตัวเราไปสู่ตัวสติ ตัวสมาธิ ตัวปัญญาได้ การทำทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีวิธีการ จึงจะเข้าถึงจุดหมายปลายทางได้ ดังนั้นการมาที่นี่ต้องพยายาม ไม่ต้องนั่งนิ่งๆ สอนกันแนะนำกัน ให้มีวิธีทำ โดยเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ทำเป็นจังหวะ วิธีทำนั้น ก็ต้องนั่ง แต่ไม่ต้องหลับตา อันนี้มีวิธีทำ นั่งพับเพียบก็ได้ นั่งขัดสมาธิก็ได้ นั่งเก้าอี้ก็ได้ นอนก็ได้ ยืนก็ได้ ทำความรู้สึกตัว….. เพิ่มเติมที่ลิงค์
https://www.pasukato.org/developing_awareness_move.html
วิธีเจริญสติแบบหลวงพ่อเทียน เป็นวิธีกระตุ้นให้สติโตได้ไว เจริญเร็วสามารถ ดับทุกข์ได้ไว มีความชัดเจน ไม่จำเป็นต้องอาศัยปริยัติอะไรมากมาย วิธีการสอนของท่านจะไม่พูดอะไรมากแต่จะให้ลงสนามจริงเลย คือ ให้ปฏิบัติก่อน เมื่อได้สภาวะแล้วจะคลายสงสัยไปเอง สติก็จะเกิด สมาธิก็จะเกิด ปัญญาก็เกิดตามกันมาเองเป็นอัตโนมัติ วิธีสอนแบบหลวงพ่อเทียน จึงเป็นวิธีที่เข้าใจง่าย บุคคลทุกระดับความรู้การศึกษาถ้าได้ปฏิบัติจริงแล้ว เข้าถึงสภาวธรรมอัน เดียวกัน
การเจริญสติถ้าทำถูกจะหลับตาหรือไม่หลับตาก็ได้ทั้งหมด แต่หลับตามีผลข้างเคียงมากกว่าลืมตา จะทำให้เกิดความเข้มแข็งของสติได้ช้าเพราะติดสงบ และส่งผลให้ ง่วงได้ง่ายกว่า ส่วนในชีวิตประจาวันนั้นหากจะเจริญสติไปด้วยต้องกาหนดรู้มากๆ แต่จะให้ไป ถึงมรรคถึงผลคงเป็นไปได้ยาก แต่หากเป็นเพื่อประคองอารมณ์ให้อยู่กับครอบครัว หรือ ในสังคมอย่างสงบสันตินั้นพอเป็นไปได้ สติจะทำให้รู้หน้าที่ของตน ๆ เป็นพ่อแม่ก็จะรู้หน้าที่อย่าง ถูกต้อง เป็นลูกก็จะรู้หน้าที่อย่างลูก เป็นครูอาจารย์ หรือ เป็นนักเรียนก็จะรู้หน้าที่ของตน ๆ ก็ จะไม่ก่อให้เกิดปัญหา ผู้มีสติย่อมเห็นกายใจตามความเป็นจริง เมื่อรู้ว่าทุกอย่างเป็นของสมมุติ ก็ทำให้ไม่ยึดติดอะไร ๆ ในโลก จิตใจของเราก็จะปล่อยจะวางเป็น ไม่ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน ไม่ปรุงแต่ง จะมีศีลมีธรรมเป็นสัมมาทิฏฐิ บุญก็จะเกิดตามมาตรงนี้ สวรรค์ นิพพานก็จะเกิดตรงนี้ (พระอาจารย์สุริยา มหาปญฺโญ, 2559)
จากการสัมภาษณ์พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล สรุปได้ว่า สำหรับตัวท่านเอง หลังจากที่ได้เจริญสติตามแนวทางหลวงพ่อเทียน ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ คือ มันรู้สึกโล่งโปร่ง ปล่อยวางอารมณ์ได้ ตอนบวชใหม่ ๆ คิดว่าจะบวชสัก 3 เดือน พอเกิดศรัทธา
ในทางปฏิบัติ จึงทำให้ท่านครองเพศบรรพชิตมาจนถึงทุกวันนี้เป็นเวลาถึง 33 ปี การเจริญสติไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในรูปแบบ เช่น การเดินจงกรม หรือ การปฏิบัติตามรูปแบบเท่านั้น แต่ควรเป็นไปในการกระทำ ทุกอย่าง การรู้ซื้อ ๆ รู้แล้วละให้เป็น นั้นคือหลักการเจริญสติของหลวงพ่อเทียน สตินอกจากจะเป็นเครื่องมีในการดับทุกข์ได้แล้ว ยังส่งผลให้การทำงานออกมาดี เป็นเครื่องเตือนใจเมื่อมีอะไรมากระทบก็ได้ การเจริญสติตาม แบบหลวงพ่อเทียนไม่ได้เน้นที่ความสงบ แต่เน้นให้ได้ขณิกสมาธิ จึงไม่จาเป็นต้องหลับตา แต่ให้ ทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งของสติ จนเป็นสัมปชัญญะความรู้สึกตัวทั่วพร้อมต่อเนื่อง แต่สติคือความระลึกได้ ซึ่ง สติ กับ สัมปชัญญะนี้คนละตัวกัน แต่อยู่ใกล้กันมากอาศัยกันเกิด
การใช้ชีวิตประจาวันไม่ใช่เพียงแต่รักษาสติเท่านั้น ควรเป็นการสร้างสติไปด้วย เป็นการสะสมไม่ให้ลืมเลือนไป จะท าให้อ่อนแอนได้ง่าย ชีวิตประจาวันจึงไม่ควรเติมน้าไป อย่างเดียว แต่ควรรู้จักรักษาอย่าให้น้ารั่วได้ด้วย สติยังช่วยบ าบัดจิตใจเวลาเราป่วยไข้ได้ถ้าใช้ให้เป็น แม้นาหลักการเจริญสติมาใช้กับครอบครัวก็จะทำให้การกระทบกระทั่งกันเบาบางจางลง สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข สติยังส่งผลให้การเรียนการศึกษาได้ผลดี ผู้มีสติย่อมเข้าใจกฎธรรมชาติและยอมรับ พร้อมที่จะแก้ไขแต่ไม่ใช่การจำนนต่อ เมื่อเจอกับเหตุการณ์อะไรที่ไม่คาด ฝันก็จะตั้งหลักได้ ไม่ตระหนกตกใจ ไม่เกรี้ยวกราด ไม่ปล่อยให้เหตุร้ายเข้าครอบงำจิตจนเสียผู้เสียคนไป
สติยังให้ผลไปถึงวันสุดท้ายของลมหายใจ เพราะผู้มีสติย่อมไม่ทุรนทุราย ก่อนที่จะสิ้นลม สุคตินับตั้งแต่สวรรค์เป็นเบื้องต้นตลอดจนถึงนิพพานย่อมเป็นที่ไปของเขา เพราะฉะนั้นนั้นจึงไม่ควรให้เกิดวิกฤตในชีวิตเสียก่อนจึงค่อยมีการเจริญสติ หน้าที่ของเรา คือ
จะต้องเตรียมพร้อมก่อนที่มันจะเกิด ดังนั้นเราจึงไม่ควรปล่อยให้โอกาสในการเจริญสติผ่านไป อย่างสูญเปล่าในแต่ละวัน เพราะการเจริญสติในชีวิตประจาวันเป็นเหมือนการหยอดน้าใสลงไปในจิตในทุก ๆ วัน วันละนิด ๆ ไม่นานจิตใจของเราก็จะสะอาด คือ มีน้าสะอาดเต็มใจนั้นเอง (พระไพศาล วิสาโล, 2559)
ผู้เขียน:
เกื้อกูล มูลทา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช
E-mail: kkeuxkulmultha@gmail.com
สามารถดาวโหลดทั้งหมดได้ที่ลิงค์:
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ambj/article/download/241614/164282/831722
0 Comments